แดดจัดยามบ่ายสาดผ่านหน้าต่างเต็มบาน กั้นระหว่างโถงรับแขกกับทิวทัศน์ของถนนพระรามสี่ กระจกโค้งสร้างความเชื่อมต่อจากตึกระฟ้าไปยังสนามม้าราชกรีฑาสโมสร และสวนลุมพินีที่เห็นอยู่ไกลๆ เกิดเป็นแรงบันดาลใจของการออกแบบห้องขนาด 66 ตารางเมตร ผ่านผู้อยู่อาศัยสมมติ ที่เราสร้างขึ้น
ครอบครัวนักกีฬาขี่ม้า ผู้หลงใหลในธรรมชาติ และการสังสรรค์ คือจุดเริ่มต้นของการถ่ายทอดเรื่องราว ภายในห้องชุด สองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น โดยเก็บครัวเดิมของโครงการไว้ และเติมแต่งบรรยากาศที่มีกลิ่นอายอเมริกันคันทรีผ่านเฟอร์นิเจอร์ไม้ โซฟาหนัง และเตาผิงจำลอง
ของตกแต่งหลายชิ้นเป็นของเก่าเก็บ อย่าง เกือกม้าขนาดต่างๆ แชนเดอร์เลียร์เขากวาง ประติมากรรมสำริด หรือแม้แต่สัตว์สตัฟฟ์แพะภูเขา ล้วนเป็นของสะสมส่วนตัว ที่เราหยิบเข้าหยิบออกอยู่หลายครั้ง เพื่อให้เกิดความลงตัวมากที่สุด
ภายในห้องนอนใหญ่ เตียงคิงไซส์ถูกจัดวางอย่างสมมาตรอยู่กึ่งกลาง พนักเตียงบุด้วยหนังสีดำขลับตลอดแนวผนัง สองฝั่งเตียงมีโคมไฟและโต๊ะข้างเข้าเซ็ตกัน ภาพเขียนบานใหญ่เหนือหัวเตียง เป็นรูปชายชาวยุโปรยืนทักทาย บอกเล่าว่าห้องพักนี้เป็นห้องนอนของเจ้าของบ้าน
ส่วนห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกัน แม้จะแพ้ด้วยขนาด แต่เราได้จัดแบ่งพื้นที่ให้เพียงพอสำหรับเตียงควีนไซส์ และลงตัวด้วยการจัดวางโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เพื่อให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านไร่แถบยุโรป เราได้ใช้มือจับลายกิ่งไม้ในทุกลิ้นชักและบานเปิด เป็นงานทองเหลืองจากแบรนด์ knuckle olive
ห้องนอนทั้งสองถูกเชื่อมด้วยโถงทางเดินจากประตูห้องชุด ไปยังโถงรับแขก โดยมีบัวผนังสีเขียวขี้ม้า รับกับพื้นไม้สีน้ำตาล และกรอบรูปไม้สักที่มีกระดาษหนังสือพิมพ์ Le Petit Journal จากฝรั่งเศสติดเป็นจุดสนใจอยู่เป็นระยะเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนั่งเล่น
เป็นการผสมกันระหว่างของเก่าและของใหม่ แต่งเติมด้วยของสะสมแปลกตา ที่บังเอิญเจอจากตลาดมือสอง เป็นพื้นที่สังสรรค์กันของผู้อยู่อาศัย ที่เอนจอยได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดิน
Article : Supphawit Boss Photograph : BKKGRAPHER Interior Design : Birth House Studio Sofa and Bed : Kraft House
Comments